ธนาคาร ออมสิน ประกาศร่วมทุนกับ SAWAD เตรียมทำธุรกิจ สินเชื่อ จำนำทะเบียนรถ ดอกเบี้ยต่ำ 18% โดยออมสินเข้าถือหุ้นในบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ในเครือ SAWAD สัดส่วนไม่เกิน 49% วงเงินลงทุนไม่เกิน 1,500 ล้านบาท คาดเริ่มดำเนินการได้ต้นปี 2564นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคาร ออมสิน
เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร ออมสิน ได้อนุมัติการร่วมลงทุนกับบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ธุรกิจ สินเชื่อ จำนำทะเบียนรถ โดยธนาคารจะเข้าลงทุนในหุ้นสามัญ สัดส่วนไม่เกินร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ในจำนวนเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ซึ่งการร่วมทุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การปรับโครงสร้างอัตราดอกเบี้ย สินเชื่อ จำนำทะเบียนรถ ให้ลดต่ำลงสู่ระดับ 18% เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยสูงสุดถึง 24%
ที่ผ่านมา กระบวนการสรรหาผู้ร่วมลงทุนเริ่มต้นจากการอนุมัติเป็นแผนยุทธศาสตร์ของธนาคาร เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 ในการที่จะเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการสรรหาผู้ร่วมลงทุนในหลายขั้นตอนอย่างโปร่งใส โดยธนาคารได้เชิญบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเข้ายื่นข้อเสนอการร่วมลงทุน และมีผู้ยื่นข้อเสนอ จำนวน 8 ราย และท้ายที่สุดได้คัดเลือกเหลือ 1 รายที่ธนาคารจะร่วมลงทุน คือ บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด
ทั้งนี้ SAWAD เป็นผู้ดำเนินธุรกิจนอนแบงก์ให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่มีศักยภาพในการแข่งขัน มีประสบการณ์ในธุรกิจจำนำทะเบียนรถมามากกว่า 40 ปี มีความพร้อมให้บริการประชาชนทั้งที่สาขาและธุรกรรมออนไลน์ ธนาคารจึงมีความเชื่อมั่นว่าการร่วมลงทุนในครั้งนี้ จะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการลดดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยประชาชนกลุ่มฐานรากสามารถเข้าถึงโอกาสทางการเงินได้มากขึ้น
นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้ถือหุ้น SAWAD เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบให้ บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SAWAD ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารออมสินเพื่อดำเนินธุรกิจจำนำทะเบียนรถ สนับสนุนนโยบายภาครัฐ โดยธนาคารออมสินจะเข้ามาถือหุ้นในบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ในสัดส่วน 49% รวมทั้งให้การสนับสนุนเงินทุนให้กับบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อ โดยร่วมกันกำหนดเป้าหมายและแผนงานร่วมกันในการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ
“ความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะส่งผลดีต่อภาพรวมการดำเนินธุรกิจของ SAWAD ในการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการเข้าถึงสินเชื่อ โดยในเบื้องต้นจะเน้นกลุ่มลูกค้ารายย่อย เนื่องจากมองว่ากลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีความต้องการสินเชื่อสูงและมีจำนวนมาก โดยจะใช้สาขาของ SAWAD ที่มีอยู่เกือบ 5,000 สาขาทั่วประเทศ และของธนาคารออมสิน 1,060 สาขา เป็นช่องทางการให้บริการ” นางสาวธิดา กล่าว
เกษตรกรจะได้เงินส่วนต่างราคาข้าวเท่าไหร่
1. ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 14 ตัน ส่วนต่างตันละ 2,911 บาท
2. ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 16 ตัน ส่วนต่างตันละ 2,137 บาท
3. ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ตัน ส่วนต่างตันละ 1,222 บาท
4. ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 25 ตัน ส่วนต่างตันละ 1,066 บาท
5. ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 16 ตัน ส่วนต่างตันละ 2,084 บาท
ส่วนเกษตรกรที่ยังไม่ลงทะเบียน ทางโครงการเปิดให้ลงทะเบียนระหว่าง 1 เมษายน – 31 ตุลาคม 2563 ยกเว้นภาคใต้ ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2563 – 28 กุมภาพันธ์ 2564 ระยะเวลาของโครงการทั้งหมด ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – พฤษภาคม 2564
มาตรการที่ 8 : พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย โดยขยายความช่วยเหลือไปยังลูกค้า ทุกวัตถุประสงค์การกู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนเข้ามาตรการใด ๆ และลูกค้าที่เคยลงทะเบียนเข้า มาตรการช่วยเหลือลูกค้าผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) ทั้ง 2 มาตรการ และโครงการ ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ มาตรการที่ 1, 2, 3, 4 และ 6 ส่วนดอกเบี้ยที่ให้พักชำระไว้ลูกค้าสามารถทยอยผ่อนชำระให้หมดภายในระยะเวลาของสัญญาเงินกู้ ลงทะเบียนผ่าน GHB ALL หรือ www.ghbank.co.th ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 28 กันยายน 2563
“ในเดือนพฤศจิกายน 2563 กรมบัญชีกลางได้โอนเบี้ยความพิการเข้าบัญชีตามสิทธิเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 สำหรับในส่วนของผู้พิการที่มีอายุ18 ปีขึ้นไป และมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเบี้ยความพิการเพิ่มเติม 200 บาท เข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2563 ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางได้กำหนดวันจ่ายเบี้ยความพิการเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเดือนต่อ ๆ ไป ประมาณวันที่ 22 ของเดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 ถึง กันยายน 2564 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง หมายเลข 02 270 6400 ในวัน เวลาราชการ” โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป